การกลับมาของ ‘ฮยอนบิน’ ในซีรีส์ Made in Korea ไม่ได้ถูกจับตามองเพียงในฐานะผลงานคัมแบ็กของนักแสดงระดับแม่เหล็กเท่านั้น แต่ยังเป็นการแท็กทีมครั้งสำคัญกับผู้กำกับอูมินโฮ (จาก The Drug King และ The Man Standing Next) ผู้เชี่ยวชาญในการหยิบบริบทประวัติศาสตร์ช่วงทศวรรษ 1970–1980 มาเสริมความเข้มข้นให้ซีรีส์อย่างน่าสนใจ วันนี้ Korseries จึงอยากชวนทุกคนไปสำรวจ 3 บริบททางประวัติศาสตร์ใน Made in Korea ยุคที่การเติบโตทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ การเมืองแบบอำนาจนิยม และอิทธิพลจากต่างชาติเดินอยู่บนเส้นเดียวกันอย่างแยกไม่ออก
1. ‘Made in Korea’ ที่ไม่ได้หมายถึงความสำเร็จทางเศรษฐกิจ
ชื่อเรื่อง Made in Korea ในบริบทของซีรีส์นี้ ไม่ได้หมายถึงสินค้าที่สะท้อนความสำเร็จทางเศรษฐกิจอย่างที่ผู้คนคุ้นเคยในยุคปัจจุบัน แต่เป็นการพาคอซีรีส์ย้อนกลับไปสำรวจช่วงเวลาที่เกาหลีใต้กำลังเร่งเครื่องสู่การเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ ท่ามกลางแรงกดดันด้านการส่งออก การขยายตัวของโรงงานขนาดเล็ก และการเติบโตที่เร็วเกินกว่าระบบรัฐจะรับมือได้ทั้งหมด
ในช่วงทศวรรษ 1970–1980 เกาหลีใต้เดินหน้าเต็มกำลังเพื่อไล่ตามประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ ตัวเลขทางเศรษฐกิจเติบโตอย่างน่าทึ่ง แต่ในอีกด้านหนึ่ง นักวิชาการด้านเศรษฐกิจการเมืองชี้ว่า การพัฒนาแบบเร่งรัดภายใต้รัฐอำนาจนิยมมักทิ้ง ‘พื้นที่สีเทา’ เอาไว้เสมอ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี การนำเข้า และกิจกรรมที่อยู่นอกสายตาของระบบกำกับดูแล
บริบทนี้เชื่อมโยงกับสถานการณ์ในญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเคยเผชิญการแพร่ระบาดของเมทแอมเฟตามีนอย่างรุนแรง ยาเสพติดชนิดนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ Philopon หนึ่งในแบรนด์เมทแอมเฟตามีนที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในกลุ่มแรงงานญี่ปุ่น ก่อนจะกลายเป็นปัญหาสังคมครั้งใหญ่ในทศวรรษ 1950 จนรัฐบาลญี่ปุ่นต้องออกมาตรการปราบปรามอย่างเข้มงวด
เมื่อการผลิตภายในประเทศถูกควบคุมอย่างเด็ดขาด เครือข่ายค้ายาเริ่มมองหาฐานผลิตใหม่ในภูมิภาคใกล้เคียง พื้นที่ที่กำลังขยายตัวทางอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว เช่น เกาหลีใต้และไต้หวัน จึงถูกพูดถึงในฐานะจุดเชื่อมต่อสำคัญของเครือข่ายลำเลียงข้ามชาติ โดยมีรายงานถึงการผลิตและลำเลียงเมทแอมเฟตามีนเพื่อส่งออกไปยังตลาดญี่ปุ่น กระทั่งเกาหลีใต้พบปัญหาเมทแอมเฟตามีนไหลทะลักกลับเข้าประเทศในช่วงทศวรรษ 1980 จึงนำมาสู่การปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจังในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ฉากหลังที่ถูกหยิบยกขึ้นมานี้คือหนึ่งในโอกาสทองของ แบคกีแท เจ้าหน้าที่สำนักงานข่าวกรองใน Made in Korea ที่จะกอบโกยผลประโยชน์ โดยเริ่มต้นจากการลักลอบขนส่งสินค้าจากเกาหลีใต้ไปถึงแก๊งยากูซ่าก่อนที่จะเดินหน้ากลายเป็นผู้กำบังเหียนขบวนการนี้ด้วยตัวเอง ท่ามกลางช่องว่างของระบบที่หน่วยงานกำกับดูแลในส่วนนี้ยังเข้าไม่ถึงและไม่สามารถตรวจสอบได้
2.KCIA: เมื่ออำนาจรัฐกลายเป็นเครื่องมือควบคุมทุกอย่างภายใต้หน่วยข่าวกรอง
อีกหนึ่งฉากหลังสำคัญของ Made in Korea คือบทบาทของเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองกลางเกาหลีใต้ หรือ Korean Central Intelligence Agency (KCIA) ที่ แบคกีแท สังกัดอยู่ โดยหน่วยงานนี้ในบริบทประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ถูกก่อตั้งขึ้นในช่วงปี 1961 หลังความปั่นป่วนทางการเมืองช่วงปลายทศวรรษ 1950 เกาหลีใต้เข้าสู่ยุคการปกครองแบบอำนาจนิยมภายใต้การนำของ ‘พัคจองฮี’ ซึ่งขึ้นสู่อำนาจจากการรัฐประหารในวันที่ 16 พฤษภาคม 1961 ซึ่งรัฐบาลทหารในยุคนั้นให้ความสำคัญกับ ‘เสถียรภาพ’ และ ‘ความมั่นคง’ เป็นลำดับแรก
ท่ามกลางแรงกดดันจากสงครามเย็นและความหวาดระแวงภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ หน่วยข่าวกรองกลางเกาหลีใต้ ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงรวบรวมข่าวกรองจากต่างประเทศ แต่มีบทบาทครอบคลุมไปถึงการเมืองภายใน ทั้งเพื่อป้องกันการรัฐประหารซ้อน และปราบปรามศัตรูทางการเมืองทั้งหมด หน่วยงานนี้มีอำนาจทั้งในการสืบสวน จับกุม และควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย รวมถึงผู้ที่มีแนวคิดต่อต้านรัฐบาลทหาร
นักวิชาการจำนวนมากมองว่า KCIA คือภาพแทนของรัฐอำนาจนิยมที่เส้นแบ่งระหว่างการบังคับใช้กฎหมายกับการใช้อำนาจนอกระบบแทบไม่ชัดเจน อำนาจในการจับกุม ควบคุมตัว และสอบสวน ทำให้หน่วยงานนี้กลายเป็นศูนย์กลางของอิทธิพลทางการเมืองในช่วงทศวรรษ 1960–1970 โดยเรื่องราวของ KCIA เคยถูกหยิบยกมาบอกเล่าในมุมมองที่แตกต่างผ่าน 2 ผลงานของผู้กำกับอูมินโฮ อย่าง The Drug King และ The Man Standing Next มาก่อนแล้ว ซึ่งใน Made in Korea เองก็ได้สะท้อนภาพอำนาจและศักยภาพของหน่วยข่าวกรองกลางเกาหลีใต้ในยุคนั้นได้อย่างแยบยล พร้อมสอดแทรกปมความขัดแย้งเกี่ยวกับอำนาจที่ไม่มีใครแทรกแซงหรือยื่นมือเข้ามายุ่งได้ จนนำไปสู่การเปิดทางให้ธุรกิจสีเทาและการตักตวงผลประโยชน์มหาศาล
3.เหตุการณ์โยโดโกะ: การจี้เครื่องบินและการเปลี่ยนสนามบินให้เป็นเกาหลีเหนือ
อีกเหตุการณ์ที่ช่วยอธิบายความตึงเครียดของยุคสมัยนั้นได้ชัดเจน คือเหตุการณ์จี้เครื่องบิน Japan Airlines เที่ยวบิน 351 เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 1970 หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘เหตุการณ์โยโดโกะ’ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงในช่วงวันที่ 31 มีนาคม 1970 เมื่อสมาชิก 9 คนของกลุ่ม Red Army Faction หรือขบวนการซ้ายจัดในญี่ปุ่น ได้ใช้อาวุธ เช่น ดาบญี่ปุ่น ท่อเหล็ก และระเบิด จี้เครื่องบินของสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 351 จากโตเกียวมุ่งหน้าฟุกุโอกะ โดยมีผู้โดยสารและลูกเรือรวม 129 คนเป็นตัวประกัน เพื่อเรียกร้องให้เปลี่ยนเส้นทางบินไปยังเกาหลีเหนือ
เมื่อมองย้อนกลับมาในปัจจุบัน อาจดูเหลือเชื่อที่ระบบรักษาความปลอดภัยสนามบินจะปล่อยให้อาวุธลักษณะนี้ขึ้นเครื่องได้ แต่ในช่วงทศวรรษ 1970 การจี้เครื่องบินยังถือเป็นเรื่องที่พบได้น้อยมาก และกฎหมายการบินระหว่างประเทศก็ยังแทบไม่มี ระบบตรวจสอบความปลอดภัยในสนามบินจึงเป็นเพียงพิธีการ หรือในบางแห่งแทบไม่มีเลย
ระหว่างการจี้เครื่องบิน เครื่องบินได้แวะจอดที่สนามบินฟุกุโอกะ และสนามบินกิมโป กรุงโซล ซึ่งทางการเกาหลีใต้ได้พยายามจัดฉากให้ดูเหมือนสนามบินในเปียงยางของเกาหลีเหนือ ภายในเวลาจำกัด เพื่อเข้าช่วยเหลือตัวประกัน แต่ความพยายามกลับไม่เป็นผล เมื่อกลุ่ม Red Army Faction จับสังเกตความผิดปกติได้ จึงนำไปสู่สถานการณ์ตึงเครียดอีกครั้ง กระทั่งมีการเจรจาเกิดขึ้น โดยมีข้อแลกเปลี่ยน คือ ให้มีการปล่อยตัวประกันแลกกับตัวประกันใหม่ คือ ผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลญี่ปุ่น เครื่องบินลำนี้จึงเดินทางต่อไปยังสนามบินในเกาหลีเหนือพร้อมกับรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก่อนที่ทั้งตัวประกันและนักบินจะถูกส่งกลับไปที่ญี่ปุ่นอย่างปลอดภัยในเวลาต่อมา
เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคอย่างมาก โดยเฉพาะกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ซึ่งกลายเป็นพื้นที่ผ่านทางของเหตุการณ์สำคัญครั้งนี้ ซึ่งที่ผ่านมามีการหยิบยกเหตุการณ์นี้มาฉายภาพซ้ำหลายครั้ง รวมถึงการตีความใหม่ผ่านหน้าจอภาพยนตร์อย่างผลงานล่าสุดใน Good News (2025)
ด้วยการเชื่อมโยงระหว่างบริบทในหน้าประวัติศาสตร์เข้ากับการตีความใหม่ของทีมผู้ผลิต จึงทำให้ความดุเดือดของ Made in Korea ยิ่งเพิ่มอุณหภูมิความสนุกให้ซีรีส์น่าจับตามองมากยิ่งขึ้น คอซีรีส์สายการเมือง-อาชญากรรม สามารถติดตามเรื่องราวของ แบคกีแท (รับบทโดย ฮยอนบิน) ชายผู้มีความทะเยอทะยานในหน้าที่ทำงาน เขาจมอยู่กับความปรารถนาต่ออำนาจ และอิทธิพล พร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดของโครงสร้างอำนาจ และอัยการ จางกอนยอง (รับบทโดย จองอูซอง) ที่เลือกทางตรงกันข้าม ยอมสละชีวิตส่วนตัวเพื่อยับยั้งเส้นทางอันอันตรายของ แบคกีแท ได้ใน Made In Korea ซีซัน 1 บน Disney+
บทความที่เกี่ยวข้อง
รวม 4 ความน่าดูของซีรีส์ ‘Made In Korea’ กับเรื่องเล่าอำนาจมืดยุค 1970
‘ซนเยจิน’ ซัพพอร์ตสามีเต็มที่! โปรโมตซีรีส์ ‘Made in Korea’ ของ ‘ฮยอนบิน’ คอนเฟิร์มว่าสนุกมาก
Made in Korea รวมทัพนักแสดงมากฝีมือ เรื่องราวความทะเยอทะยาน และอำนาจของคนในยุค 1970
กดดูซีรีส์เกาหลี Made in Korea ซับไทย ได้บน Disney+
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡
Source (1) (2) (3) (4) (5) (6)
