‘ข่าวดี!’ … เวลาจะมีข่าวดี ก็มักมีข่าวร้ายนำมาหรือตามมาด้วยเสมอ
บ่อยครั้งมันจึงอาจกลายเป็นความตลกร้ายของชีวิตอย่างชวนอึ้ง
และนี่คือเรื่องราวการจี้เครื่องบินโดยสารที่คอขาดบาดตายแต่ชวนตลกร้ายได้อย่างเหลือเชื่อ
Good News เป็นภาพยนตร์ของ Netflix โดยผู้กำกับบยอนซองฮยอน เจ้าของผลงาน Kill Bok Soon (2023) King Maker (2022) The Merciless (2017) และ My P.S. Partner (2012) เป็นหนังได้รับเชิญไปเปิดตัวในเทศกาล 2025 Toronto International Film Festival ด้วยกระแสตอบรับที่ดี และเป็นหนังเกาหลีเรื่องแรกในรอบ 7 ปีที่ได้รับเชิญเข้าฉายในงานกาล่าของเทศกาล Busan International Film Festival ปีนี้ด้วย
Good News เป็นงานแนวระทึกขวัญอาชญากรรมระดับชาติ ที่นำเสนอพร้อมไปกับความตลกร้ายจากการเสียดสีล้อเลียน ท้องเรื่องอยู่ในยุคทศวรรษ 1970 ที่ได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์การจี้เครื่องบินแจแปนแอร์ไลน์ไฟลท์ 351 (Yodogo Hijacking Incident) ซึ่งนำมาเล่าใหม่ให้เป็นเรื่องราวของกลุ่มคนในหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมุ่งมั่นนำเครื่องบินที่ถูกจี้ลงจอดให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม นำมาซึ่งการคิดแผนการอันแสนโกลาหลยุ่งเหยิง จนกลายเป็นเรื่องตลกร้ายรายทางไปจรดความเป็น ‘ข่าวดี’ ปิดท้าย
กลุ่มผู้ก่อการเป็นชายหญิงญี่ปุ่นรุ่นใหม่หัวรุนแรงผู้คลั่งการปฏิวัติสังคมนิยม ทำการจี้เครื่องบินนี้เพื่อคุมเครื่องให้ไปลงที่เกาหลีเหนือ โดยมี คิมซองโอ รับบทเป็นผู้ช่วยนักบินชาวเกาหลีใต้ที่ได้สัญชาติญี่ปุ่นหลังไปลงหลักปักฐานที่นั่น
ส่วนทีมภาคพื้น ก็มีตัวละครหลากหลายอาชีพที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการสำคัญครั้งนี้ ตัวเอกของเรื่องก็คือ
คุณโนบอดี้ (รับบทโดย ซอลคยองกู) เป็นบุคคลผู้ไม่เคยเปิดเผยชื่อจริง (รอเผยภายหลัง) เขาเป็นนักล็อบบี้และนักแก้ปัญหาตัวยงที่นักการเมืองเรียกใช้งานประจำอยู่แล้ว ความโนบอดี้ของเขาก็มาในลุคคนสุดแสนธรรมดาๆ แต่แฝงความฉลาดคมเลยแหละ
ร้อยโทซอโกมยอง (รับบทโดย ฮงคยอง) เจ้าหน้าที่ทหารหนุ่มผู้มีความมุ่งมั่น ประจำหน่วยแรปคอน (RAPCON ย่อมาจาก Radar Approach Control คือควบคุมการจับสัญญาณเรดาร์) เขาจะเป็นแกนกลางผู้ลงมือปฎิบัติภารกิจสำคัญนี้ รวมถึงเป็นคู่หูจำเป็นกับคุณโนบอดี้ เพราะคาแรคเตอร์ตัวละครคู่นี้ก็ดูจะไม่น่าไปด้วยกันได้ดีนัก และบางสิ่งที่ร้อยโทซอต้องทำรวมถึงผลลัพธ์ของมันก็เข้าข่ายภาวะจำยอมด้วย
ผอ.พัคซังฮยอน (รับบทโดย รยูซึงบอม) ผู้บริหารของ KCIA คือสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ หรือหน่วยข่าวกรองที่ทรงอิทธิพลในยุคนั้น (สมัยของประธานาธิบดีพัคจองฮี)
สมทบด้วยทีม รมต.จากหลากหลายกระทรวง ไม่ว่าจะ กลาโหม การต่างประเทศ คมนาคม มหาดไทย ยุติธรรม สาธารณสุข และเลขาธิการนายก ซึ่งรับบทโดย ชเวด็อกมุน ชาซุนแบ พัคยองกยู เป็นต้น
และยังมี เสนาธิการทหารอากาศ (รับบทโดย ฮยอนบงชิก) ผู้กำกับหนัง (รับบทโดย ยุนคยองโฮ) รวมไปถึงอีกหลายนักแสดงรับเชิญ เช่น จอนโดยอน คิมจงซู พัคจีฮวาน พัคแฮซู จอนแบซู ซออึนซู คิมชีอา มาชวนให้ตื่นตากันเลยค่ะ นอกจากนี้ก็ยังมีนักแสดงชาวญี่ปุ่นมาร่วมบทนักแสดงหลักอีกหลายคนด้วย
การผูกเรื่องและแผนการแต่ละอย่างที่ถูกคิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน และถูกนำมาปฏิบัติอย่างแข็งขันนั้น ล้วนแต่ชวนขำ มีความบ้าบออยู่บ้าง เมื่อเทียบกับสเกลวิกฤติหรือประเด็นอ่อนไหวของเหตุการณ์จี้เครื่องบิน แบบว่าคิดมาได้ไงเนี่ย เอางี้เลยรึ บทของแต่ละตัวละครที่ซับซ้อนโดยเนื้อโดยตัวและโดยหมวกที่สวมหัวกันอยู่ รวมถึงไดอาล็อกก็มีสีสัน ทั้งคมคายและช่างแซะ เหน็บแนมแดกดันโดนๆ ถ้วนทั่วทั้งมุมการบ้านการเมือง การทหารการปกครองการฑูต ระบอบทุนนิยม-สังคมนิยม ไล่มาถึงจริยธรรม สามัญสำนึก ความเป็นมนุษย์ อาจไม่ใช่ตลกแนวขำก๊ากนัก แต่มีอมยิ้มรัวๆแน่นอนในความช่างคิดของบท ฉลาดหยิบความจริงมาแซะได้เข้ากับเรื่องราวเป็นอย่างดี
การเล่าเรื่องของหนังนั้นสนุกชวนติดตาม เดินเรื่องไว ความวุ่นวายยุ่งเหยิงทำให้ละสมาธิไม่ได้ การหักมุมพลิกผันทำให้ชมอย่างตื่นตัวดี ความลุ้นว่าเรื่องราวจะลงเอยอย่างไรก็เสิร์ฟทั้งความตึงเครียดสลับไปกับความขบขันอย่างลงตัวดี ที่สำคัญฝีไม้ลายมือของนักแสดงหลักทั้งสามก็จะพาผู้ชมอินติดหนึบไปกับพวกเขาได้อย่างแน่นอน
เรียกได้ว่าเป็นหนังภัยพิบัติจี้เครื่องบินที่ทำออกมาได้มีสไตล์ บันเทิงแหวกแนวดี ดูโปสเตอร์กับอ่านเรื่องย่อแล้วอาจไม่ได้ดึงดูดหรือคาดหวังอะไรนัก แต่พอได้ชมแล้วจะรู้ว่าดีเกินคาดจริงๆ เนื้อหาที่ตกตะกอนได้ก็ให้ความหมายลึกซึ้งดีในหลายๆประเด็น เป็นความลงตัวของเรื่องซีเรียสกับความตลกร้ายขำขัน ความกลมกล่อมของสาระกับบันเทิง ซึ่งผู้เขียนขอไม่เล่ารายละเอียด แต่อยากให้ชมด้วยตัวเอง จะได้สนุกรถไฟเหาะกันอย่างเต็มๆอรรถรส เพลงประกอบก็เลือกมาดีเข้ากับเรื่องราว บรรยากาศและยุคสมัยเลยค่ะ
ฝากปิดท้ายด้วยลีลาคมคายของคุณโนบอดี้ว่า ‘บางครั้งความจริงก็อยู่อีกข้างของดวงจันทร์ แต่ไม่ได้แปลว่าด้านหน้าคือเรื่องโกหก‘ อืม..น่าคิดดีเนอะ
เกร็ดข้อมูลประกอบการชมเรื่องราว
Yodogo Hijacking Incident (よど号ハイジャック事件) เหตุการณ์จี้เครื่องบินซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ปี 1970 เที่ยวบินที่ 351 ของสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ เป็นเที่ยวบินโดยสารโบอิ้ง 727 ออกเดินทางจากสนามบินฮาเนดะ สนามบินนานาชาติของโตเกียว เพื่อเดินทางไปยังฟุกุโอกะ พร้อมด้วยผู้โดยสารและลูกเรือรวม 129 คน ถูกสมาชิกฝ่ายกองทัพแดงแห่งสันนิบาตคอมมิวนิสต์ญี่ปุ่นจี้ชิง (ชื่อ Yodo มาจากชื่อเล่นอย่างเป็นทางการในยุคนั้นของสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ ซึ่งหลังเหตุการณ์นี้ก็ยกเลิกชื่อเล่นนี้ไป)
ตอนแรกเป็นการจี้ให้บินไปยังกรุงฮาวานา คิวบา เพื่อไปเข้ารับการฝึกอบรมจากกลุ่มทหารคอมมิวนิสต์ แต่เมื่อรู้ว่าเครื่องบินไม่สามารถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงได้พอ จึงสั่งให้บินไปลงพยองยาง เกาหลีเหนือแทน โดยแวะเติมน้ำมันที่ฟุกุโอกะ ตำรวจได้โน้มน้าวให้พวกเขาปล่อยตัวประกัน 23 คน และนักบินได้รับแผนที่คาบสมุทรเกาหลี แนบมากับแผนที่มีข้อความสั่งให้นักบินปรับคลื่นวิทยุไปยังความถี่ที่กำหนด เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศได้จงใจบอกทางนักบินไม่ถูกต้อง เพื่อลวงให้ลงจอดที่สนามบินกิมโปในกรุงโซล เกาหลีใต้ และมีการปลอมตัวเป็นคนเกาหลีเหนือ
เมื่อผู้ก่อการร้ายไหวตัวรู้ว่าถูกหลอก ชินจิโร ยามามูระ รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของญี่ปุ่น จึงอาสาเข้ามาแทนที่ตัวประกันที่เหลือ และบินไปยังพยองยาง สุดท้ายกลุ่มผู้ก่อการร้ายก็ยอมมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือ ซึ่งเสนอให้ลี้ภัยแก่ทั้งกลุ่ม
เหตุการณ์ YS-11
การจี้เครื่องบินโดยสารสายการบินโคเรียนแอร์ไลน์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ปี 1969 ซึ่งบินเส้นทางภายในประเทศจากฐานทัพอากาศคังนึง จังหวัดคังวอน เกาหลีใต้ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติกิมโป กรุงโซล โดยมีผู้โดยสารและลูกเรือรวม 46 คน ถูกจี้โดยเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือคนหนึ่ง สองเดือนต่อมา ผู้โดยสาร 39 คนถูกส่งตัวกลับ แต่ลูกเรือและผู้โดยสารอีก 7 คนยังคงตกค้างอยู่ในเกาหลีเหนือ เหตุการณ์นี้จึงถูกมองว่าเป็นหนึ่งในการลักพาตัวชาวเกาหลีใต้โดยเกาหลีเหนือ
เหตุการณ์นี้เคยถูกนำมาสร้างเป็นหนังเรื่อง Hijack 1971 (2024)
เด็กชายอีซึงบก
อีซึงบกเป็นชาวเกาหลีใต้วัย 9 ขวบที่ถูกสังหารโดยหน่วยคอมมานโดของเกาหลีเหนือในปี 1968 การฆาตกรรมของเขาเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางในเกาหลีใต้ ต่อมาในช่วงต้นทศวรรษ 1990 มีข่าวลือแพร่สะพัดว่าอีซึงบกนั้นไม่เคยมีตัวตนอยู่จริง และการตายของเขาเป็นเพียงผลงานโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลทหารของเกาหลีใต้
และมีหลักฐานที่พบว่า ในเดือนกันยายน ปี 2004 คิมจูออน อดีตเลขาธิการพรรคร่วมประชาชนเพื่อการปฏิรูปสื่อ ถูกตัดสินว่ามีความผิดและถูกตัดสินจำคุก 6 เดือนในข้อหาเผยแพร่ข่าวเท็จนี้ เรื่องราวของอีซึงบกที่เคยถูกบรรจุไว้ในตำราเรียน อนุเสาวรีย์ และศูนย์อนุสรณ์สถานที่เคยมีบทบาทสำคัญจึงถูกลดทอนและโยกย้ายไป
เรื่องนี้มีถูกนำมาใช้อ้างอิงอยู่ในหนังเรื่อง King Maker (2022)
(แหล่งข้อมูล : วิกิพีเดีย)
Trailer :
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡