เกมห้ำหั่นชิงดำที่ต้องงัดด้านดำมืดในจิตใจมารับ-รุก
เพื่อรอด-รุ่งในโลกการเมืองอันโสมม
มีเพียงการขายวิญญาณให้ปีศาจเท่านั้น
ที่จะสร้างดีล วิน-วิน ร่วมกับอีกปีศาจได้
The Devil’s Deal หรือชื่อไทยว่า ดีลนรกคนกินชาติ เป็นผลงานกำกับและเขียนบทโดย ‘ผู้กำกับอีวอนแท‘ เจ้าของผลงานเด่น ๆ เช่น The Gangster, the Cop, the Devil (2019), Man of Will (2017) งานนี้เขาชงมาในแนวหนัก ๆ แน่น ๆ ตามถนัดเช่นเคย คือผสมผสานทั้งอาชญากรรม การเมือง ดราม่า นัวร์ระทึก ย้อนยุค และมีความเป็น Picaresque (การผจญภัยของตัวโกงตัวร้ายที่น่าดึงดูดใจประหนึ่งเป็นฮีโร่)
จากชื่อเรื่องก็บอกใบ้มาแล้วหละว่าเราจะได้ชมเรื่องราวการขับเคี่ยวชิงดำอย่างสุดหินสุดโหดโฉดชั่วของผู้ที่หลงมัวเมาในอำนาจ ซึ่งตัวละครที่เหมาะกับการถ่ายทอดเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์ได้ชัด ๆ ก็คงหนีไม่พ้นนักการเมือง และแม้หนังจะจั่วไว้ว่าเป็นเรื่องแต่ง แต่ก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าสันดานละโมภและกลเกมอันสกปรกนั้นมีเค้าความจริงอยู่ในโลกการเมืองทุกแห่งทุนหน
ท้องเรื่องเป็นเมืองปูซานในปี 1992 ซึ่งเป็นปีที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีและการเลือกตั้งทั่วไปพร้อมกันเป็นครั้งแรกหลังได้รัฐธรรมนูญมา หยิบยืมช่วงจริงของรอยต่อการเมืองจากรัฐบาลทหารหรือทหารนักการเมืองไปสู่รัฐบาลประชาธิปไตยของประชาชนเกาหลีมาอ้างอิง จึงเป็นปีที่การหาเสียงคึกคักเข้มข้น และการพัฒนาเมืองท่าปูซานก็เป็นหนึ่งในนโยบายหาเสียงของพรรคฝ่ายรัฐบาล
ในขณะที่นักการเมืองท้องถิ่นจน ๆ พกอุดมการณ์จริงใจอย่าง จอนแฮอุง (รับบทโดย โจจินอุง) ที่ไต่เต้าทุ่มเทอยู่ในพื้นที่บ้านเกิดนี้มานาน 20 ปีจนที่เป็นที่รักของมวลชน ก็เห็นโอกาสจะได้สมหวังเป็น สส.สักที แต่ทว่าจู่ ๆ เขาก็ถูกพรรคต้นสังกัดเขี่ยชื่อทิ้งกลางอากาศ ด้วยฝีมือของ ควอนซุนแท (รับบทโดย อีซองมิน) ผู้มีอิทธิพลเบื้องหลังพรรค และเพิ่งได้รับเอกสารลับที่เป็นแผนพัฒนาเมืองปูซาน โครงการยกระดับเป็นเมืองสำคัญแถวหน้า นั่นหมายความว่าหลายพื้นที่จะทวีมูลค่ามหาศาล แต่ถ้าปล่อยให้คนอย่างจอนแฮอุงที่เอาแต่นโยบายปกป้องที่ดินทำกินชาวบ้านมาบริหารปูซาน เขาจะเสียโอกาสการหาประโยชน์เข้ากระเป๋าตนและเข้ากองทุนสินบนส่งส่วยให้ส่วนกลาง จึงต้องมัดมือชกผู้สมัครหน้าเดิม ชงผู้สมัครหน้าใหม่ที่หัวอ่อนควบคุมได้ง่ายลงแทนจอนแฮอุง
จอนแฮอุงเคืองมาก แถมยังถูกมาเฟียเงินกู้นอกระบบ คิมพิลโด (รับบทโดย คิมมูยอล) มาทวงหนี้อีก แต่แล้วเขาก็ไปได้สำเนาเอกสารลับฉบับนั้นมาอยู่ในมือด้วยการติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ และใช้มันแลกกับเงินทุนสนับสนุนก้อนใหญ่ในการเป็นผู้สมัครอิสระ โดยคิมพิลโดก็พ่วงเอาพันธมิตรนักเลงมาลงขันเงินทุนด้วยกันอีกคน ซึ่งก็คือ จองฮันโม (รับบทโดย วอนฮยอนจุน) ที่มีงานก่อสร้างบังหน้า ส่วนงานไล่ที่รื้อถอนคืองานจริง โดยที่พวกเขาต่างก็หวังผลตอบแทนมหาศาลจากแผนพัฒนาที่ดินที่จะสัมฤทธิ์ผลหลังความสำเร็จของจอนแฮอุง
ด้วยพลังเงินและพลังเครือข่ายของสองนักเลงที่บรรเลงเกมหาเสียงสกปรก บวกกับความขยันแรงกล้าของจอนแฮอุง ก็นำเขามาถึงจุดที่เห็นชัยชนะอยู่ข้างหน้ารำไร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดชั่วข้ามคืนก็คือ เขาแพ้เลือกตั้งอย่างเหลือเชื่อ แต่จะเพราะอะไรนั้น ต้องไปติดตามเอง
จอนแฮอุง ที่กำลังฝันสลายและตกที่นั่งสาหัสจากความขัดแย้งของพันธมิตรนักเลงที่สูญเสียผลประโยชน์ และยังถูกซัดซ้ำจาก ควอนซุนแท ที่เล่นเล่ห์พลิกเกมของแผนลับพัฒนา กลายเป็นอาวุธสลายพลังคู่ต่อสู้และคงไว้ซึ่งผลประโยชน์สูงสุดของตน นั่นคือจุดเริ่มต้นที่จอนแฮอุงเริ่มกระหายอำนาจอย่างจริงจังเพื่อต่อกรเอาคืนบ้าง แน่นอนว่าวิธีการย่อมสกปรกเลวร้ายไปตามสถานการณ์ที่พาไปและวิถีอันธพาลของคนใกล้ตัว ซึ่งถ้าผ่านบทเลวครั้งแรกไปได้แล้วครั้งต่อ ๆ ไปก็จะแกร่งขึ้นง่ายขึ้น
หลังจากนั้น เกมการต่อสู้เบื้องหลังการเมืองก็จะทวีความดุเดือดเชือดเฉือนแก้เกมไปมา ผู้คนที่เป็นเบี้ยขุนบนกระดานสู้รบ ซึ่งถูกนำมาใช้งานเมื่อมีประโยชน์ และถูกกำจัดตัดตอนเมื่อขวางผลประโยชน์ หรือไปเอื้อประโยชน์ให้คู่ต่อสู้ ก็มีอันต้องระเนระนาดไป สะท้อนให้เห็นว่า บนเส้นทางของจอนแฮอุงที่จะไต่ขึ้นไปให้ถึงยอดดั่งวาดหวังนั้น เขาต้องปะทะกับสารพัดแผนชั่วร้าย การรับมือและรุกสู้ก็ค่อย ๆ เรียนรู้ว่าต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมให้ชั่วร้ายเหนือกว่าจึงจะอยู่รอด และต้องไม่ลืมว่าเพื่อการไปถึงเป้าหมายแล้ว เขาต้องทำได้ทุกอย่างจริง ๆ จึงเปรียบเสมือนว่าต้องผ่านดีลแรกก็คือขายวิญญาณให้ปีศาจด้านมืดในจิตตัวเองก่อนจะไปสู้กับปีศาจร้ายอื่น ผู้เขียนจึงคิดว่าหนังตัดสินใจได้ดีที่เปลี่ยนชื่อจากเดิม Confidential หรือ Confidential : The Birth of Power มาเป็น The Devil’s Deal เพราะได้ความลึกซึ้งกว่าเยอะ
มาสรุปความสนุกน่าดูของหนังกัน เรียกว่าเป็นเกมห้ำหั่นชิงดำพร้อมสาวไส้นักการเมืองที่เข้มข้นดาร์คมันส์ ประเด็นชัด แน่น น่าติดตาม มีอะไรให้เซอร์ไพรซ์ตลอด พลิกเกมบลัฟกันไปมาให้ลุ้นระทึกถี่ ๆ มีเชือดกันเอาตาย ถึงเรื่องราวจะค่อนข้างเยอะและซับซ้อนอยู่บ้าง แต่ก็เดินเรื่องกระชับพาเราไหลตามและเข้าใจได้ไม่ยากแม้จะมีบางช่วงรวบรัดไปนิด
จอนแฮอุง อาจเป็นตัวละครหลักเดียวที่เริ่มต้นจากด้านของคนดี มีเส้นทางให้เราค่อย ๆ ตามดูอย่างชวนเชียร์ให้เขารีบเข้าโหมดร้ายลับอาวุธท้าชนอำนาจมืด ทว่าสุดท้ายแล้วเมื่อเขาทะเยอทะยานจนชนะ เราเองแหละที่ต้องตกภวังค์หน่วงจิตอนาถใจในความเป็นจริงของโลกการเมืองอันแสนโสมมนี้ เป็นจุดพีคของเรื่องที่สิ้นสุดความห้ำหั่นเหี้ยมโหดไว้ ณ ซีนเรียบ ๆ สงบนิ่งแต่มีนัยชวนคิด …ใครชนะใครแพ้? …มีใครเป็นมิตรแท้หรือศัตรูถาวร? …การฟันฝ่าถึงฝั่งฝันสวยงามแต่รายทางคละคลุ้งคาวโฉดเป็นความสำเร็จอันน่าภูมิใจจริงหรือ?
งานแคสติ้งคือเลือกถูกคนเป็นที่สุด สามนักแสดงตัวพ่อคือเอาอยู่มาก การถ่ายทอดอารมณ์อัดอั้นจะระเบิดของ ‘โจจินอุง‘ ก็เยี่ยมจริง จริง ๆ แล้วทุกมิติอารมณ์ของเขาได้ฟิลมาก ฉากเด็ดที่ประจันหน้าบนโต๊ะหงายไพ่ปีศาจบลัฟกันของ ‘อีซองมิน‘ กับ ‘โจแจอุง‘ ช่างมีพลังมาก เล่นเอาตื่นเต้นเหงื่อผุดตามเลย ‘คิมมูยอล‘ ก็เป็นอีกนักแสดงที่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง เรื่องนี้เขาขุนน้ำหนักขึ้นเพื่อบทนักเลงและฝึกสำเนียงท้องถิ่นด้วย สำหรับอีซองมินซึ่งมีแอร์ไทม์ไม่มากเท่าอีกสองคน แต่ออกฉากมาทีไรสะกดสายตาและชวนเสียววาบในรังสีอำมหิตจริงๆ
ในส่วนของงานโปรดัคชั่นคือดีงามมากในทุกองค์ประกอบ เก็บละเอียดเนี๊ยบในความเป็นงานย้อนยุค ชอบการเลือกเพลง Haeundae Love Song มาใช้ประกอบได้เข้ากัน รวมถึงรายละเอียดเล็ก ๆ แม้กระทั่งวิธีแต่งหน้าภรรยาของจอนแฮอุงยังใช่เลย มุมกล้องและการเล่นแสงสี ไม่เพียงเข้าข่ายสวยศิลป์มาก แต่ยังแฝงสัญลักษณ์สื่อความได้อย่างฉลาดในหลาย ๆ ฉาก เรียกว่างานปราณีตลึกซึ้งดีจริง คุณภาพครบมิติขนาดนี้คือคุ้มค่าตั๋วเลยค่ะ
Trailer :
ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ WARUMANU ได้ที่ เพจมูฟวีข้ามวันซีรีส์ข้ามคืน
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡
